วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

บทที่ 13 การบำรุงรักษาเครืองคอมพิวเตอร์

บทที่ 13
 การบำรุงรักษาเครืองคอมพิวเตอร์


สิ่งที่ถือว่าเป็นอันตรายสามารถทำร้ายเครื่องคอมพิวเตอร์

1. ความร้อน ได้แก่ ความร้อนที่เกิดขึ้นภายในเครื่องคอมพพิวเตอร์เองและภายนอกเครื่องคอมพิวเตอร์ เนื่องจาก คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์
อิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องใช้กระแสไฟฟ้าในการทำงาน เป็นสาเหตุให้มีกระแสไฟฟ้าที่เป็นพลังงานให้กับอุปกรณ์ภายในบางส่วนสูญเสีออกมาในรูปของ
ความร้อน ซึ่งความร้อนนี้เองเป็นสาเหตุของความเสียหายกัยอุปกรณ์ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์
2. ฝุ่นผง อาจทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง เพราะฝุ่นสามารถเกาะพื้นผิวชิ้นส่วนอุปกรณ์ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น แผงวงจรภายใน
เมื่อนานๆ ไปจะเคลือบหนาขึ้นและยึดติดแน่นจนทำให้เป็นฉนวนกั้นความร้อนทำให้แผงวงจรนั้นไม่สามารถระบายความร้อนได้ซึ่งเป็นผลเสียต่อ
เครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรง เพราะฉะนั้น ควรกำจัดฝุ่นผงภายในเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างสม่ำเสมอ ถ้าเป็นเครื่องที่ใช้ในบ้านควรทำความสะอาด อย่างน้อยปีละ
1 ครั้ง ถ้าเป็นเครื่องที่ใช้ภายในสำนักงาน ควรทำความสะอาดทุก 6 เดือน
หรือแม้แต่พัดลมระบายความร้อน ถ้ามีฝุ่นมากๆ ก็อาจทำให้ทำงานติดขัด การระบายความร้อนทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร
วิธีการแก้ปัญหานี้ คือ ถ้าเกิดเป็นห้องที่มีการติดเครื่องปรับอากาศแล้ว ต้องสำรวจว่ามีเครื่องกรองอากาศเพื่อลดผุ่งละอองในห้องแล้วหรือยัง
สำหรับห้องที่ไม่ใช้ห้องปรับอากาศ อาจจะให้อุปกรณ์หรือผลิตภัณฆ์ทำความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น แปรง และชุดดูดฝุ่นเล็กๆ ซึ่งจะช่วยยืด
อายุการทำงานของคอมพิวเตอร์ได้เลยทีเดีียว แต่ที่สำคัญไม่ควรนำเครื่องดูุดฝุ่นสำหรับใช้ในบ้านเรือนหรือในรถยนต์มาดูดฝุ่นคอมพิวเตอร์เด็ดขาด
เพราะนอกจากฝุ่นแล้วชิ้นส่วนบางส่วนชิ้นบนเมนบอร์ดอาจดูดไปด้วย
3. แม่เหล็ก ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรง แต่จะสร้างความเสียหายให้กับข้อมูลที่อยู่แผ่นดิสก์หรือแม้กระทั่งฮาร์ดิสก์ ได้ ซึ่งอาจถึงขั้นไม่ได้เลย จอภาพก็เป็นแหล่งกำเนิดแรงแม่เหล็กด้วย เช่นกัน ดังนั้น ถ้าผู้ใช้เผลอวางแผ่นดิสก์ไว้ใกล้จอภาพก็อาจทำให้ข้อมูลภาบใน
ดิสก์เสียหาย ลำโพงก็เป็นแหล่งกำเนิดแม่เหล็กได้เช่นกัน รวมถึงมอเตอร์ที่ภายในเครื่องพิมพ์ก็เป็นแหล่งกำเนิดแม่เหล็กได้เช่นกัน
4. น้ำและของเหลว เป็นสิ่งที่มีผลกระทบต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ง่าย สาเหตุเพราะ น้ำและของเหลวจะเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ได้หลายทาง
ด้วย กันทางที่ดีควรหาพลาสติกมาคลุมเครื่องไว้เมื่อไม่ใช้งาน
5. กระบวนการเกิดสนิม ตัวการที่ก่อให้เกิดสนิมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งภายนอกและแผงวงจรภายใน ได้แก่
- เกลือและเหงื่อ
- น้ำ
- อากาศ (ที่มีกรดซัลฟูริก กรดเกลือ หรือกรดคาร์บอนิกส์)
ปัญหาใหญ่ ก็คือ การเกิดสนิมที่อุปกรณ์ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพราะอาจทำให้คอมพิวเตอร์ไม่สามารถใช้งานได้หรือทำงานผิดพลาด
เพราะฉะนั้น จึงควรระมัดระวังสิ่งที่จะทำให้เกิดสนิม สิ่งที่เป็นอันตรายต่อเครื่องคอมพิวเตอร์
6. ระบบไฟฟ้า สำหรับคอมพิวเตอร์จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เสริมที่เรียกว่า UPS ซึ่งคววรจะเป็นแบบที่มีทั้งระบบไฟฟ้าสำรองและระบบควบคุม
กระแสไฟฟ้า ที่เรียกว่า สเตบิไลเซอร์ (Stabilizer)
ถ้าเกิดไฟฟ้าดับภายในบ้าน ก็ยังมีเวลาบันทึกไฟล์เก็บไฟล์ได้ทัน หรือถ้ากรณีไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชาก ตัวสเตบิไลเซอร์ก็จะกักไฟฟ้าส่วน
เกินหรือเสริมส่วนที่ขาดไม่ให้คอมพิวเตอร์ต้องเกิดความเสียหาย
7. ไฟฟ้าสถิตหรือฟ้าผ่า ชิ้นส่วนของคอมพิวเตอร์ที่อยู่บนเมนบอร์ดแทบทุกชิ้นจะไวต่อไฟฟ้าวถิตมาก ยิ่งเมื่อถึงเวลาอากาศหนาวๆ แล้ว (ต่างประเทศ) จะต้องมีดทปติดกับข้อมือแล้วต่อสายไฟฟ้าที่เป็นสายดิน เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟฟ้าสถิตจากตัวสร้างความเสียหายให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์
แต่ถ้าวันไหนเพียงรู้สึกว่าอากาศแห้งๆแล้วควรลดไฟฟ้าสถิตในตัวเองงก่อนเช่นสัมผัสกับโลหะชิ้นอื่นอย่างตู้เอกสารโลหะก่อนที่จะเริ่มเปิดฝาเครื่อง
คอมพิวเตอร์เพื่อดูชิ้นส่วนภายใน
อีกสิ่งที่สร้างความเสียหายรุนแรงให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ คือ ฟ้าผ่า แม้ว่าฌอกาสจะเกิดได้ยาก เพราะเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่มีสายอากาศ
แบบโทรทัศน์ แต่เวลามีพายุฝนฟ้าคะนอง ไฟฟ้าสถิตในอากาศขณะนั้นจะสูง ความชื่นก็สูงด้วย ทางที่ดีอย่าพยายามเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ในช่วง
ที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง เพราะแม้ว่าฟ้าจะไม่ได้ผ่าลงเครื่องโดยตรง แต่ไฟฟ้าสถิตในอากาศก็สามารถสร้างความเสียหายให้คอมพิวเตอร์ในขณะที่กำลัง
ทำงานอยู่ได้


การดูแลรักษาอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์

การดูแลรักษาซีพียู (CPU)

ซีพียู (CPU: Central Processing Unit) หรือหน่วยประมวลผล นับเป็นหัวใจของคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่ประมวลผลต่าง ๆ ตามที่โปรแกรมไว้ โดยปกติซีพียูเป็นอุปกรณ์/ชิ้นส่วนที่เสียหายยากมากจากการใช้งานปกติ ซึ่งซีพียูอาจจะทำงานได้นานมากจนเราเลิกใช้เครื่องไปเลย แต่ถ้าเราโชคร้ายโดยถูกผู้ผลิตนำซีพียูทีมีความเร็วต่ำมาหลอกขายว่าเป็นซีพียูความเร็วสูง (CPU Remark) หรือทำการ PUSH ให้ซีพียูทำงานเร็วกว่าความเร็วที่กำหนดให้ ทำให้อายุการใช้งานของซีพียูสั้นลงกว่าปกติ อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อายุการใช้งานซีพียูสั้นลงก็คือ พัดลมระบายอากาศ (Ventilation Fan) ที่ติดตั้งอยู่ที่ชุดจ่ายไฟฟ้า (Power Supply) ของคอมพิวเตอร์เสีย ทำให้ซีพียูต้องทำงานที่ความร้อนสูงตลอดเวลา ถ้าซีพียูเสียก็ต้องซื้อใหม่อย่างเดียว ไม่สามารถทำการซ่อมหรือแก้ไขได้

การดูแลรักษาซีพียู จึงต้องทำให้พัดลมระบายอากาศ และชุดจ่ายไฟฟ้ามีการทำงานที่ปกติอยู่เสมอ การตรวจเช็คอุปกรณ์ดังกล่าวทำได้ง่าย ๆ โดยการสังเกตว่า มีการทำงานปกติหรือไม่ ? มีเสียงผิดปกติขณะทำงานหรือไม่ ? โดยอุปกรณ์ทั้งสองสามารถเสื่อมลงได้ตามระยะเวลาใช้งาน โดยทั่วไปหากซีพียูต้องทำงานในอุณหภูมิที่ร้อนมาก ซีพียูจะหยุดทำงานเพื่อป้องกันความเสียหาย อาจทำให้เกิดอาการเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้ไปซักครู่ แล้วดับไปเองบ่อย ๆ (สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากไวรัสคอมพิวเตอร์ หรือซีพียูร้อนจนเกินไป)

การดูแลรักษาเมนบอร์ด (Main board or Motherboard)

เมนบอร์ด (Main board or Motherboard) เป็นส่วนประกอบที่เห็นได้ง่ายมาก เมื่อเปิดฝาเคสเครื่องคอมพิวเตอร์ออก เพราะจะเป็นชิ้นส่วนที่วางอยู่เป็นพื้นให้อุปกรณ์หรือชิ้นส่วนอื่นเป็นอุปกรณ์ที่มี Chip ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์อื่นๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ และเป็นทั้งตัวรับและจ่ายไฟให้กับ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ บนเมนบอร์ด ซึ่งถ้ามีอุปกรณ์สำรองไฟฟ้า (UPS) ก็จะช่วยให้การทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นไปอย่างราบรื่นสม่ำเสมอ และไม่ทำให้อุปกรณ์อื่นๆ ชำรุดเสียหาย ในกรณีที่เกิดไฟตกไฟกระชากอีกด้วย

การดูแลรักษาซีพียู จึงต้องทำให้พัดลมระบายอากาศ และชุดจ่ายไฟฟ้ามีการทำงานที่ปกติอยู่เสมอ การตรวจเช็คอุปกรณ์ดังกล่าวทำได้ง่าย ๆ โดยการสังเกตว่า มีการทำงานปกติหรือไม่ ? มีเสียงผิดปกติขณะทำงานหรือไม่ ? โดยอุปกรณ์ทั้งสองสามารถเสื่อมลงได้ตามระยะเวลาใช้งาน โดยทั่วไปหากซีพียูต้องทำงานในอุณหภูมิที่ร้อนมาก ซีพียูจะหยุดทำงานเพื่อป้องกันความเสียหาย อาจทำให้เกิดอาการเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้ไปซักครู่ แล้วดับไปเองบ่อย ๆ (สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากไวรัสคอมพิวเตอร์ หรือซีพียูร้อนจนเกินไป)


การดูแลรักษาจอภาพ (Monitor)

จอภาพ (Monitor) จอภาพโดยทั่วไปมักจะมีอายุการใช้งานประมาณส่วนใหญ่ ประมาณ 1-3 ปี เนื่องจากหลอดภาพของแต่ละรุ่นยี่ห้อนั้น จะมีคุณภาพแตกต่างกันไปตาม แต่ละบริษัทผู้ผลิต ไม่ควรตั้งจอไว้ใกล้บริเวณที่มีสนามแม่เหล็กมากจนเกินไป และไม่ควรเช็ดหน้าจอด้วยน้ำยาหรือสารอย่างอื่น ๆ ที่ไม่ได้ระบุไว้สำหรับทำความสะอาดจอภาพนั้น ๆ

การดูแลรักษาควรปฏิบัติดังนี้

• อย่าให้วัตถุหรือน้ำไปกระทบหน้าจอคอมพิวเตอร์

• ควรเปิดไฟที่จอก่อนที่สวิซไฟที่ CPU เพื่อ boot เครื่อง

• ไม่ควรปิด ๆ เปิด ๆ เครื่องติด ๆ กัน เมื่อปิดเครื่องแล้วทิ้งระยะไว้เล็กน้อยก่อนเปิดใหม่

• ควรปรับความสว่างของจอภาพให้เหมาะสมกับสภาพของห้องทำงาน เพราะถ้าสว่างมากเกินไปย่อมทำให้จอภาพอายุสั้นลง

• อย่าเปิดฝาหลัง Monitor ซ่อมเอง เพราะจะเป็นอันตรายจากกระแสไฟฟ้าแรงสูง

• เมื่อมีการเปิดจอภาพทิ้งไว้นาน ๆ ควรจะมีการเรียกโปรแกมถนอมจอภาพ (Screen Sever) ขึ้นมาทำงานเพื่อยืดอายุการใช้งานของจอภาพ

การดูแลรักษาการ์ดแสดงผล (Display Card)

การ์ดแสดงผล (Display Card) เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการประมวลผลภาพ โดยทั่วไปการใช้งานในช่วง 1 ปีแรก มักจะไม่ค่อยมีปัญหา ส่วนใหญ่จะใช้งานไปได้ถึง 3 ปี โดยไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเราเลือกใช้การ์ดแสดงผลราคาถูก ก็อาจจะมีปัญหาบ้างในปีแรก แต่ก็ไม่มากนัก แต่ถ้าเป็นการ์ดแสดงผลยี่ห้อดัง ๆ จากอเมริกาที่มีราคาแพง จะมีความเร็วในการแสดงผลสูง มีลูกเล่นมากกว่า และมีการออกไดรเวอร์ออกมาอย่างต่อเนื่อง

การดูแลรักษาเม้าส์ (Mouse)

เมาส์ (Mouse) เป็นอุปกรณ์ Input ที่ใช้สำหรับป้อนข้อมูลคำสั่งเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ ภายในเมาส์ จะประกอบไปด้วยลูกกลิ้งและฟันเฟือง ซึ่งสามารถถอดออกมาและทำความสะอาด เนื่องจากลูกกลิ้งจะสะสมเอาสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไว้ภายในเมาส์ ทำให้ลูกกลิ้งไม่สามารถที่จะเคลื่อนที่ไปได้โดยอิสระ

วิธีทำความสะอาดให้บิดช่องข้างล่างของเมาส์บริเวณที่เป็นลูกกลิ้ง พอถอดออกแล้วก็นำลูกกลิ้งข้างในออกมา และเราจะเห็นแกนอยู่ 2 แกนที่สามารถหมุนได้และแกนวงกลม ที่สามารถหมุนได้เช่นกัน ใช้เล็บหรือไขควงก็ได้แล้วแต่ถนัด ขูดพวกฝุ่นที่เกาะกันเป็นก้อนออกมา เท่านี้เมาส์ของคุณก็จะไหลรวดเร็วดังใจนึก

สำหรับอุปกรณ์เม้าส์แสง หรือ Optical Mouse ภายในเม้าส์ประกอบด้วยเซ็นเซอร์แสง ซึ่งมักจะทำงานผิดปกติเมื่อมีฝุ่นผง สามารถทำความสะอาดโดยอุปกรณ์เป่าฝุ่น

การดูแลรักษาแป้นพิมพ์ (Keyboard)
แป้นพิมพ์ (Keyboard) การป้อนข้อมูลจำนวนมากทุกวัน หรือเอาแป้นพิมพ์ไปใช้เล่นเกมส์ จะพบว่าปุ่มบางปุ่มจะเสียตั้งแต่ยังไม่ครบปี อายุการใช้งานของแป้นพิมพ์จะผ่านปีแรกและปีที่สองไปได้ อย่างสบาย แต่ถ้าแป้นพิมพ์เกิดเสียหลังจากปีแรก ซึ่งเลยระยะรับประกันแล้ว ไม่ควรซ่อม ให้ซื้อใหม่จะดีกว่า นอกจากนี้ยังมีแป้นพิมพ์ที่มีราคาแพงเกินหนึ่งพันบาทขึ้นไป เช่น ไมโครซอฟต์คีย์บอร์ด หรือคีย์บอร์ดของไอบีเอ็ม แป้นพิมพ์เหล่านี้จะมีรูปทรงถูกสุขลักษณะ ไม่ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยข้อมือ มีความทนทานสูงและตอบสนองต่อการกดแป้นพิมพ์จะดีกว่าแป้นพิมพ์ราคาถูก

ในการทำความสะอาด Keyboard ในนำผ้าหมาด ๆ เช็ดให้ทั่วบริเวณแป้นพิมพ์ให้สะอาด (ห้ามใช้ผ้าชุบน้ำ) การดูแลรักษาก็ง่าย ๆ เอาผ้าคลุมไว้ แต่ keyboard ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องความสกปรกสักเท่าไรหรอก เพราะใช้อยู่ทุกวันจะมีก็แต่ขนมหล่นใส่ เป็นคราบดำ ๆ นิดหน่อย หากเสียก็เปลี่ยนใหม่

การดูแลรักษาฮาร์ดดิสก์ (Hard disk)

ฮาร์ดดิสก์ (Hard disk) เป็นหน่วยความจำสำรอง หรือสื่อบันทึกข้อมูลภายนอกที่มีความจุสูง ฮาร์ดดิสก์จะถูก บรรจุอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ให้อยู่แล้ว ฮาร์ดดิสก์ในสมัยเริ่มแรกมีความจุเพียง 20-80 เมกะไบต์ และต่อมาฮาร์ดดิสก์ได้พัฒนาให้มีความจุสูงขึ้น และมีความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลที่สูงขึ้นด้วย ซึ่งในปัจจุบันฮาร์ดดิสก์ที่มีขายทั่วไปในท้องตลาดมีความจุมากกว่า 80 กิกะไบต์ทั้งสิ้น และมักจะมีอายุการประกันตั้งแต่ 1-3 ปี ซึ่งเมื่อฮาร์ดดิสก์เสียในช่วงเวลาดังกล่าว ก็ต้องส่งไปซ่อมกับร้านที่ซื้อมา โดยทั่วไปฮาร์ดดิสก์จะมีอายุการใช้งานอย่างต่ำ 3 ปี แต่อย่างไรก็ตาม ฮาร์ดดิสก์ก็อาจจะเสียได้ตลอดเวลา ดังนั้น เราควรสำรองข้อมูลในฮาร์ดดิสก์เอาไว้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเวลาที่ฮาร์ดิสก์เสีย ข้อมูลก็จะยังไม่สูญหายไป ข้อควรระวังก็คือ ในเรื่องของไฟตกไฟชากซึ่งจะมีผลต่อ Hard disk อาจทำให้เกิดความเสียหายได้

ฮาร์ดดิสก์เป็นอุปกรณ์ที่มีอายุยืนมากยากจะบำรุงรักษาด้วยตัวเอง ผู้ใช้คอมพิวเตอร์จึงควรระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหายซึ่งควรปฏิบัติดังต่อไปนี้

• การติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ควรติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์โดยให้ด้านหลังของตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ห่างจากฝาผนังไม่น้อยกว่า 3 นิ้ว เพื่อการระบายความร้อน เป็นอย่างปกติไม่ทำให้เครื่องร้อนได้

• ควรเลือกใช้โต๊ะทำงานที่แข็งแรงป้องกันการโยกไปมาเพราะทำให้หัวอ่านของฮาร์ดดิสก์ถูกกระทบกระเทือนได้

• ควรมีการตรวจสอบสถานภาพของ Hard Disk ด้วยโปรแกรม Utility ต่างๆว่ายังสามารถใช้งานได้ครบ 100 % หรือมีส่วนใดของ Hard Diskที่ใช้งานไม่ได้

การดูแลรักษาดิสก์ไดรฟ์ (Disk Drive)

ดิสก์ไดร์ฟ (Disk Drive) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้อ่านและเขียนข้อมูลลงในแผ่นฟลอปปีดิสก์ ซึ่งดิสก์ไดร์ฟก็มีหลายชนิด แต่ในปัจจุบันเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วๆไปมักจะใช้ดิสก์ไดร์ฟขนาด 3.5 นิ้ว การใช้งานดิสก์ไดร์ฟโดยทั่วไปไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไรนัก ถ้าผ่านปีแรกไปได้แล้วก็มักจะผ่านไปถึงปีที่ 3 ถ้าหากว่าดิสก์ไดร์ฟเสียในช่วงปีแรกก็สามารถส่งซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่ แต่ถ้าเสียหลังจากปีแรกแล้ว ก็ควรที่จะซื้อเปลี่ยนใหม่ เพราะถ้าซ่อมจะไม่คุ้มค่า เพราะราคาดิสก์ไดร์ฟในปัจจุบันมีราคาถูกมาก

การดูและรักษา Disk Drive ควรปฏิบัติดังนี้

• เลือกใช้แผ่นดิสก์ที่สะอาดคือไม่มีคราบฝุ่น ไขมัน หรือรอยขูดขีดใดๆ

• ใช้น้ำยาล้างหัวอ่านดิสก์ทุกๆเดือน

• หลีกเลี่ยงการใช้แผ่นดิสก์เก่าที่เก็บไว้นาน ๆ เพราะจะทำให้หัวอ่าน Disk Drive สกปรกได้ง่าย

การดูแลรักษาซีดีรอมไดรฟ์ (CD-ROM Drive)

ซีดีรอมไดร์ฟ (CD-Rom Drive) ในปัจจุบันเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่มักจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบมัลติมีเดีย หรือเป็นสื่อผสม ซึ่งจะต้องใช้สื่อบันทึกข้อมูลที่สามารถบันทึกข้อมูลได้มากขึ้น ซึ่งจะมีข้อมูลทั้งภาพและเสียง ดังนั้น แผ่นซีดีรอมจึงเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เมื่อมีแผ่นซีดีรอมเครื่องคอมพิวเตอร์ก็จะต้องมีเครื่องผ่านแผ่นซีดีรอมที่เรียกว่า ซีดีรอมไดร์ฟ ข้อควรระวังก็คือ ไม่ควรนำแผ่นซีดี ที่เสียแล้ว หรือมีรอยขีดข่วนมากๆ มาอ่าน เพราะอาจทำให้หัวอ่านชำรุดได้ รวมถึงการใช้น้ำยาล้างหัวอ่านผิดประเภทด้วย

ใช้น้ำยาทำความสะอาดสำหรับเครื่องคอมฯ เช็ด บริเวณด้านนอก โดยอาจใช้พู่กันเล็กๆ ช่วยในการปัดฝุ่นออกเสียก่อน จากนั้นจึงใช้น้ำยาทำความสะอาดเช็คเครื่องคอมฯ ข้อควรระวัง! โดยปกติน้ำยาเหล่านี้ ห้ามเช็คหน้าจอ ถ้ามีฝุ่นหรือคราบนิ้วมือ ให้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดก็เพียงพอแล้ว (ทิป น้ำยาทำความสะอาด โดยทั่วไป การใช้ควรใส่น้ำยาบนผ้าที่สะอาด จากนั้นลูบไปบริเวณตัวเครื่อง ทิ้งไว้สักพัก และค่อยเช็ดออก จะช่วยลดแรงในการขัดได้มาก)

การดูแลรักษาพัดลมระบายความร้อน (Fan)

พัดลมระบายความร้อน เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญของคอมพิวเตอร์ เนื่องจากการทำงานของวงจรภายในคอมพิวเตอร์จะเกิดความร้อนจำนวนมาก ระบบระบายความร้อนหลักของคอมพิวเตอร์จะใช้พัดลมระบายความร้อนเป็นหลัก เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ประกอบภายในประเทศ มักจะใช้พัดลมระบายความร้อนที่มีราคาถูก และจะพบว่าส่วนใหญ่พัดลมจะเสียภายในเวลาไม่กี่เดือนเท่านั้น มีอยู่น้อยมากที่จะผ่านปีแรกไปได้โดยไม่เสีย พัดลมระบายความร้อนที่ใช้งานได้ดี ก็คงเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นเพนเทียมรุ่นที่มีพัดลมติดมาด้วย การเลือกใช้พัดลมระบายความร้อนต้องพยายามใช้ของดีมียี่ห้อ เพราะถ้าพัดลมระบายความร้อนเสีย จะทำให้ซีพียูร้อนจัด ทำให้เครื่องเกิดอาการแฮงก์ (Hang) โดยไม่ทราบสาเหตุ และทำให้อายุการใช้งานของซีพียูสั้นลง ถ้าพัดลมระบายความร้อนเสียต้องเปลี่ยนอย่างเดียว

การติดพัดลมระบายความร้อนควรติดให้พอเพียงและเหมาะสมต่อการระบายความร้อนจากเครื่องคอมพิวเตอร์ ทั้งขนาด ความเร็วรอบ และจำนวนพัดลม เพื่อให้สามารถระบายความร้อนได้ดี ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องคอมพิวเตอร์ การรักษาความสะอาดพัดลมโดยการปัดด้วยแปรง หรือที่เป่าฝุ่นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพัดลมระบายความร้อน

การ Defrag ฮาร์ดดิสก์

การทำ Defrag ฮาร์ดดิสก์หรือ Disk Defragmenter ก็คือการทำการจัดเรียงข้อมูลของไฟล์ต่าง ๆ ที่เก็บอยู่ในฮาร์ดดิสก์ ให้มีความต่อเนื่องหรือเรียงเป็นระบบต่อ ๆ กันไป ประโยชน์ที่จะได้รับคือ ความเร็วในการอ่านข้อมูลของไฟล์นั้น จะมีการอ่านข้อมูล ได้เร็วขึ้น ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่นถ้าหากมีไฟล์ที่เก็บอยู่ในฮาร์ดดิสก์ ที่มีการเก็บข้อมูลแบบกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป เมื่อต้องการอ่าน ข้อมูลของไฟล์นั้น หัวอ่านของฮาร์ดดิสก์ก็จะต้องมีการเคลื่อนย้ายไปมาเพื่อทำการอ่านข้อมูลจบครบ หากเรามีการทำ Defrag ฮาร์ดดิสก์ แล้วจะทำให้การเก็บข้อมูลจะมีความต่อเนื่องกันมากขึ้น เมื่อต้องการอ่านข้อมูลนั้น หัวอ่านของฮาร์ดดิสก์จะสามารถอ่านได้ โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายหัวอ่านบ่อยหรือมากเกินไป จะทำให้ใช้เวลาในการอ่านได้เร็วขึ้น
ที่จริงแล้ว ยังมีโปรแกรมของบริษัทอื่น ๆ อีกหลายตัวที่สามารถทำการจัดเรียงข้อมูลให้มีความต่อเนื่องกันได้ เช่น Speeddisk ของ Norton และอื่น ๆ อีกมาก แต่ในที่นี้จะขอแนะนำหลักการของการใช้โปรแกรม Disk Defragmenter ที่มีมาให้กับ Windows อยู่แล้ว ไม่ต้องไปค้นหาจากที่อื่นครับ
ข้อแนะนำก่อนใช้โปรแกรม Disk Defragmenter
เพื่อให้การใช้งาน Disk Defragmenter มีประสิทธิภาพมากที่สุด ก่อนการเรียกใช้โปรแกรม Disk Defragmenter ควรจะเรียกโปรแกรม Walign ก่อนเพื่อการจัดเรียงลำดับของไฟล์ที่ใช้งานบ่อย ๆ ให้มาอยู่ในลำดับต้น ๆ ของฮาร์ดดิสก์ครับ โดยที่โปรแกรม Walign จะทำหน้าที่จัดเก็บข้อมูลการใช้งานไฟล์ ที่มีการเรียกใช้บ่อย ๆ ไว้ และนำมาจัดการเรียงลำดับ ให้อยู่ในส่วนแรก ๆ ของฮาร์ดดิสก์ ดังนั้นการที่เราเรียกโปรแกรม Walign ก่อนการทำ Disk Defragmenter จะเป็นการเพิ่มความเร็วของการอ่านข้อมูลได้อีกทางหนึ่ง โปรแกรม Walign จะอยู่ใน Folder C:\WINDOWS\SYSTEM\Walign.exe ครับ เปิดโดยการเข้าไปใน My Computer และเลือกไฟล์



กดดับเบิลคลิกที่ไฟล์ Walign เพื่อเรียกไฟล์ Walign.exe



โปรแกรมจะเริ่มต้นการ Tuning up Application เมื่อเสร็จแล้วจึงทำการ Defrag ต่อไป
นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญมาก ๆ ในการทำ Disk Defrag คือต้องปิดโปรแกรมต่าง ๆ ที่ทำงานอยู่ในขณะนั้นให้หมดก่อน เช่น Screen Saver, Winamp หรือโปรแกรมอื่น ๆ ที่จะต้องทำให้มีการอ่าน-เขียน ฮาร์ดดิสก์ บ่อย ๆ เพราะว่า เมื่อใดก็ตามที่ฮาร์ดดิสก์มีการอ่าน-เขียนข้อมูล จะทำให้โปรแกรม Disk Defragment เริ่มต้นการทำ Defrag ใหม่ทุกครั้ง ทำให้การทำ Defrag ไม่ยอมเสร็จง่าย ๆ หรืออาจจะใช้วิธีเข้า Windows แบบ Safe Mode โดยการกด F8 เมื่อเปิดเครื่องเพื่อเข้าหน้าเมนู และเลือกเข้า Safe Mode แทนก็ได้
การเรียกใช้โปรแกรม Disk Defragmenter
เรียกใช้โปรแกรม Disk Defragmenter โดยการกดเลือกที่ Start Menu เลือกที่ Programs และเลือก Accessories เลือกที่ System Tools และเลือก Disk Defragmenter ตามรูปตัวอย่าง



เลือกที่ Disk Defragmenter เพื่อเรียกใช้โปรแกรม Defrag


เลือกที่ Drive ที่ต้องการทำ Defrag และกด OK เพื่อเริ่มต้นการทำ Defrag หรืออาจจะเลือกที่ Settings... เพื่อทำการตั้งค่าต่าง ๆ ก่อนก็ได้


Rearrange program files... เลือกถ้าต้องการให้มีการจัดเรียงลำดับการเก็บข้อมูลของไฟล์
Check the drive... เลือกถ้าต้องการให้มีการตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ก่อนการทำ Defrag
This time only เลือกถ้าต้องการให้การตั้งค่าข้างบน มีผลเฉพาะการเรียก Disk Defragmenter ในครั้งนี้เท่านั้น
Every time I degragment... เลือกถ้าต้องการเก็บค่าที่ตั้งไว้ให้ใช้ตลอดไปโดยไม่ต้องเข้ามาเลือกใหม่
เมื่อเลือกได้แล้วก็กด OK (แต่ขอแนะนำให้เลือกใช้ค่าที่ตั้งไว้อยู่แล้ว จะดีกว่าครับ)


เมื่อกด OK ก็จะเริ่มต้นการทำ Disk Defragment ซึ่งระยะเวลาที่ใช้ จะค่อนข้างนานมากนะครับ ประมาณ 1-4 ชม.ทีเดียว ดังนั้นก็นาน ๆ ทำสักครั้งก็พอ ไม่ต้องทำบ่อยนัก ถ้าสงสารฮาร์ดดิสก์ที่ต้องมีการทำงานที่หนัก ๆ มากครับ โดยส่วนตัวผมแนะนำว่า ถ้าไม่มีการลงโปรแกรมต่าง ๆ บ่อยนักก็ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ แต่ถ้าหากรู้สึกว่าฮาร์ดดิสก์ทำงานช้าลงไป ก็ลองทำดูสักครั้งครับ



ข้อควรระวังในการทำ Defrag ฮาร์ดดิสก์


ขณะที่กำลังทำการ Defrag หากต้องการยกเลิกการทำงาน จะต้องกดที่ Stop เท่านั้น ห้ามปิดเครื่องหรือกดปุ่ม Reset เป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ของคุณอาจจะสูญหายได้ครับ



จัดระเบียบข้อมูลด้วย Disk Defragmenter เพิ่มความเร็วให้ฮาร์ดดิสก์

หลังจากการใช้งาน Windows ระยะหนึ่งเรามักพบว่าข้อมูลที่บันทึกไว้ถูกจัดเก็บแบบกระจายเป็นส่วนย่อย เนื่องจากข้อมูลถูกเขียนในดิสก์ที่เกิดเป็นช่วงๆ เมื่อมีการอ่านข้อมูล ฮาร์ดดิสก์จึงทำงานได้ช้าลง เพราะต้องเสียเวลาหาข้อมูลแต่ละส่วนที่แยกกันอยู่คนละที่
Disk Defragmenter สามารถจัดระเบียบข้อมูลที่บันทึกในฮาร์ดดิสก์ได้ใหม่ เพื่อให้การ อ่าน/เขียน ข้อมูลรวดเร็วขึ้น โดย Windows 7 จะกำหนดช่วงเวลาสำหรับรัน Disk Defragmenter อัตโนมัติไว้ให้แล้วสัปดาห์ละครั้ง แต่ถ้าเราต้องการสั่งจัดระเบียบข้อมูลบนดิสก์ด้วยตัวเองก็ทำได้ ดังนี้


1.เปิดโปรแกรม Disk Defragmenter โดยกดปุ่ม Start > Accessories > System Tools > Disk Defragmenter



2.คลิก Defragment disk เพิ่อเริ่มจัดระเบียบข้อมูลบนดิสก์



3.โปรแกรมจะทำการจัดระเบียบให้ฮาร์ดดิสก์



ในช่วงเวลาที่ Disk Defragmenter กำลังทำงาน ไม่แนะนำให้ใช้เครื่องทำงานอื่นไปพร้อมกัน เพราะโปรแกรมเหล่านั้นอาจบันทึกข้อมูลเพิ่มในไดร์ฟระหว่างที่โปรแกรมกำลังจัดระเบียบข้อมูล ซึ่งอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีไปจนถึงเป็นชั่วโมง เมื่อทำงานเสร็จจะแสดงหน้าจอแจ้งให้เราทราบ

บทที่ 12 การติดตั้งโปรแกรม Multimedia

บทที่ 12 
การติดตั้งโปรแกรม Multimedia

โปรแกรม Multimedia






GOM Player (Gretech Online Movie Player) เป็นฟรีแวร์ตัวหนึ่งซึ่งใช้งานในลักษณะ media player และสามารถใช้งานแทน Power DVD ,RealPlayer ,Quicktime ,Jet Audio ,VLC,WinDVD,WinAmp,FreeAmp ฯลฯ (ยกเว้น Windows Media Player) นอกจากนี้ยังรองรับไฟล์ XviD, DivX, FLV1, AC3, OGG, MP4, H263 และอื่น ๆ ได้ และเล่นไฟล์ AVI ที่เสียหายได้ สร้างโดย บริษัทGretech แห่งเกาหลีใต้

การติดตั้งโปรแกรม GOM Player
1. ไปดาวน์โหลดโปรแกรมจาก googleGom player download หรือไปที่เว็บผลิตภัณฑ์เลยได้ครับwww.gomplayer.com 
2. ขนาดไฟล์ 5 mb กว่าๆ โหลดเสร็จก็ติดตั้งเลย ขั้นตอนการติดตั้งไม่มีอะไรมากคลิก next ลูกเดียว แต่มันจะมีขั้นตอนหนึ่งที่ถามว่าจะให้ติดตั้ง toolbar ของ google หรือไม่ ถ้าเครื่องใครยังไม่มี แต่ถ้ามีแล้วก็จะไม่มีขั้นตอนนี้ แนะนำว่าถ้าเครื่องใครอืดหน่อยก็อย่าไปติดครับ จบการติดตั้ง
3. ต่อไป GOM Player จะให้ตั้งค่าโปรแกรมนิดหน่อยครับ แนะนำให้เลือก Normal Mode ครับ ถ้าใช้เล่นเพลง เปิดหนังธรรมดานะครับ



โปรแกรม Winamp 
นับเป็นโปรแกรมสำหรับฟังเพลง ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดโปรแกรมหนึ่ง เนื่องจากเป็นโปรแกรมที่เปิดให้ดาวน์โหลดมาใช้ฟรี แถมยังมีคุณสมบัติต่างๆในการฟังเพลง ให้ใช้กันอย่างครบครัน ในวันนี้ Winamp มิได้เป็นเพียงโปรแกรมที่ใช้เปิดไฟล์ MP3 เท่านั้นแต่เป็นเครื่องมือที่รองรับความบันเทิงในแบบ Multimedia ได้อย่างสมบูรณ์แบบตั้งแต่ MP3 ไปจนถึง Streaming Video
ด้วยเหตุนี้ Winamp จึงมักจะมีติดตั้งอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์แบบ PC แทบทุกเครื่อง โดยเฉพาะคนที่ชอบฟังเพลงผ่านคอมพิวเตอร์ แทบจะขาดโปรแกรมนี้ไม่ได้เลย หลายคนอาจใช้โปรแกรมนี้กันอยู่เกือบทุกวัน แต่ไม่มีเวลาศึกษารายละเอียดของ Winamp กันสักที ในวันนี้ จึงถือโอกาสแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับโปรแกรม Winamp นี้กันให้ดียิ่งขึ้น

หลากหลายรุ่นของ Winamp
โปรแกรม Winamp นั้นมีให้เลือกใช้กันมากขึ้น 4 รุ่นได้แก่ Lite, Full, Bundle, Pro โดย 3 รุ่นแรกนั้นให้ดาวน์โหลดมาใช้ได้ฟรี ยกเว้นรุ่น Pro ที่มีค่าตัวอยู่ที่ $19.95 สำหรับเวอร์ชั่น Lite นั้นจะมีลูกเล่นไม่มาก ทำให้ไฟล์มีขนาดเล็กและกินพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ไม่มาก รุ่นที่น่าใช้คือรุ่น Full, Bundle และ Pro โดยที่ฟีเจอร์ส่วนใหญ่นั้นจะเหมือนกัน แต่รุ่น Bundle มีเพลง MP3 แถมมาให้ด้วย ส่วนรุ่น Pro นั้นจะเพิ่มความสามารถในการ Rip & Burn CD เข้ามา

แปลงโฉมด้วยสกิน (Skin)
รูปแบบของเครื่องมือหรือ user interface ของ Winamp นั้นเรียกว่าสกิน (skin) ซึ่งก็คือหน้ากากของโปรแกรมนั่นเอง Winamp นั้นมาพร้อมกับสกินมาตรฐาน 2 แบบคือ Classic และ Modern ซึ่งแบบ Modern จะดูทันสมัยและน่าใช้กว่า การเลือกรูปแบบสกิน ให้คลิกที่เมนู Options > Skins แล้วเลือก Classic หรือ Modern ตามต้องการ นอกเหนือจาก 2 แบบนี้แล้ว คุณยังสามารถดาวน์โหลด สกินแบบอื่นอีกมากมายจากเว็บไซต์ Winamp.com มาใช้ได้ ปัจจุบันมีสกินให้คุณเลือกมากถึง 2,546 รูปแบบเลยทีเดียว

ปรับเปลี่ยนชุดสี (Color Themes) ได้ตามรสนิยม
การปรับเปลี่ยนสกินนั้นอาจเป็นเรื่องยุ่งยากเกินไปสำหรับบางคน ประกอบกับสกินแบบ Modern นั้นก็ดูดีมากอยู่แล้ว ใครที่ไม่อยากยุ่งยากกับการเปลี่ยนสกิน สามารถเลือกชุดสีของโปรแกรมใหม่ได้อย่างง่ายๆ ด้วยการคลิกที่ปุ่ม Open Configuration Drawer แล้วคลิกที่แท็บ Color Themes จากนั้นจึงไล่ดับเบิลคลิกที่ชื่อชุดสีต่างๆ เมื่อได้ชุดสีที่ถูกใจแล้วจึงกดปุ่ม Close Configuration Drawer เพื่อปิดลิ้นชักนี้ไป

เลือกประเภทไฟล์ที่จะเปิดด้วย Winamp (Associate file types)
โดยปกติคุณสามารถสังเกตว่าไฟล์เพลงจะถูกเปิดด้วยโปรแกรมอะไร จากรูปไอคอนที่ปรากฏอยู่ด้านหน้าไฟล์ประเภทนั้น หากคุณดับเบิลคลิกที่ไฟล์เพลงแล้ว แต่กลับเป็นการเปิดเพลงนั้นในโปรแกรมอื่นขึ้นมา แสดงว่าไฟล์ประเภทนั้นถูกกำหนดให้เปิดด้วยโปรแกรมอื่นไว้ถ้าคุณต้องการเปิดไฟล์ประเภทนั้นด้วย Winamp ก็สามารถกำหนดได้โดยกดคีย์ Ctrl+P เพื่อเปิดข้อมูล File Types ในส่วนของ Preferences ในส่วนของ Associated File Types ให้เลือกประเภทของไฟล์ที่ต้องการเปิดด้วย Winamp คุณสามารถเลือก All, Audio Only หรือ Video Only ก็ได้
ถ้ายังไม่ได้ผล ยังมีอีกวิธีหนึ่งคือการคลิกขวาที่ไฟล์เพลงประเภทนั้นแล้วเลือก Properties ในส่วนที่เขียนว่า Open With ให้กดปุ่ม Change แล้วเลือกโปรแกรม Winamp จะเห็นว่าไอคอนหน้าเพลงนั้นเปลี่ยนเป็นไอคอนของ Winamp แล้ว เมื่อดับเบิลคลิกที่ไฟล์ประเภทนั้น ก็จะเป็นการเปิดเพลงนั้นด้วยโปรแกรม Winamp

ควบคุมการเปิดเพลงด้วยเพลลิสต์ (Playlist)
เพลลิสต์นั้นถือเป็นหัวใจในการเปิดเพลงต่างๆขึ้นมา คุณสามารถกดปุ่ม PL เพื่อเปิด Playlist Editor ขึ้นมา เพื่อจัดการกับรายการเพลงต่างๆได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเพลง ลบเพลง และเรียงลำดับเพลงได้ตามใจชอบ ที่สำคัญคือคุณสามารถบันทึกรายชื่อเพลงทั้งหมด ที่ปรากฏอยู่ในหน้าต่างเพลลิสต์ด้วยคำสั่ง File > Save playlist เพื่อที่คุณจะเปิดชุดเพลงเหล่านั้นขึ้นมาได้อย่างสะดวก ในภายหลังด้วยคำสั่ง Open playlist เพลลิสต์นั้นมีได้หลายฟอร์แม็ท เช่น .pls, .m3u, .asx (Windows Media Audio/Video playlist)

แปลงไฟล์จากผ่านแผ่นซีดีเพลงเป็น MP3 (Ripping)
โดยปกติเราอาจได้ไฟล์เพลง MP3 มาจากแผ่นรวมเพลง MP3 ที่มีจำหน่ายกันทั่วไป แต่ถ้าเพลงที่เราต้องการฟังนั้นอยู่ในแผ่นซีดีเพลงของเราเอง เราสามารถแปลงเพลงเหล่านั้นให้เป็นไฟล์ MP3 เพื่อเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์หรือก็อปปี้ไปยังเครื่องเล่นเพลงแบบพกพา (Portable media player) ชนิดต่างๆได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องพึงพาแผ่นซีดีเพลงนั้นอีกต่อไป
วิธีการแปลงไฟล์จากแผ่นซีดีเพลง ซึ่งอยู่ในฟอร์แม็ต .cda ให้เป็นไฟล์ MP3 หรือฟอร์แม็ตอื่นๆ นั้นเรียกว่า rip หรือ ripping สามารถทำหลายวิธี เช่น ใช้ฟีเจอร์ Rip & Burn ของ Winamp Pro หรือจะใช้คำสั่ง Audio Ripping ในโปรแกรม Nero หรือ Windows Media Player ก็ได้เช่นกัน




วีแอลซีมีเดียเพลเยอร์ (อังกฤษ: VLC media player) 
คือโปรแกรมเล่นไฟล์สื่อเช่นเพลงและภาพเคลื่อนไหวได้หลายสกุล รวมทั้งไฟล์ที่เล่นบนมือถือ พัฒนาโดยโครงการ วิดีโอแลน (VideoLAN) โดยเป็นซอฟต์แวร์เสรีที่ใช้สัญญาอนุญาตแบบ GPL สำหรับเล่นไฟล์มีเดียต่างๆ โดยโครงการวิดีโอแลน

วีแอลซีมีเดียเพลเยอร์เป็นซอฟต์แวร์เล่นไฟล์สื่อคุณภาพสูง รับชมภาพและเสียง บันทึกภาพและเสียง และการถ่ายทอดแบบสตรีม ซึ่งสนับสนุนไฟล์ในหลายๆประเภท ที่รู้จักกันดีเช่น วีซีดี ดีวีดี และการสตรีม โพรโทคอล และยังสามารถสตรีมระหว่างเน็ตเวิร์ก และยังสามารถแปลงไฟล์ได้อีกด้วย วีแอลซีย่อมาจาก วิดีโอแลน ไคลเอนต์ (VideoLan Client) และยังรองรับระบบปฏิบัติการที่หลากหลาย เช่น ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ Mac OS X BeOS BSD Solarisมีผู้ดาวน์โหลดวีแอลซี เวอร์ชัน 0.8.5 มากกว่า 30 ล้านคนนับเป็นคู่แข่งจากค่ายโอเพนซอร์ซที่สำคัญกับวินโดว์มีเดียเพลเยอร์

ขั้นตอนการติดตั้งและใช้งานโปรแกรม VLC Media Player

1. หลังจากดาวโหลดโปรแกรมมาแล้วให้ Run ไฟล์ vlc-1.1.4-win32.exe จะได้ภาพตามด้านล่างให้เราคลิ๊ก Next

    
2. ยอมรับเงื่อนไขการใช้งานของโปรแกรม ให้คลิ๊ก Next
    
3. เลือกชนิดของการติดตั้งเป็นแบบ Full จากนั้นให้คลิ๊กปุ่ม Next
    
4. ให้คลิ๊กปุ่ม Install
    
5. ภาพแสดงความคืบหน้าการติดตั้งให้เราคอยจนเสร็จ
    
6. การติดตั้งเรียบร้อย ให้คลิ๊กปุ่ม Finish 
    
7. หน้าของโปรแกรมใช้งาน สังเกตุดูแถบเมนูควบคุมการเล่น และการปรับระดับเสียง
    

บทที่ 11 การติดตั้งและการใช้งานโปรมแกรม WinZip 8.0

บทที่ 11 
การติดตั้งและการใช้งานโปรมแกรม WinZip 8.0



11.1 บทนำ
Winzip เป็นโปรแกรมใช้สำหรับบีบอัดข้อมูล เพื่อให้มีขนาดเล็กลง ทำให้ใช้พื้นที่สำหรับเก็บข้อมูลนั้น ๆ น้อยลง โดยทั่วไปแล้ว สามารถจะบีบข้อมูลของ Text File ได้ลดลงมากถึงประมาณ 90% เลยทีเดียว แต่สำหรับไฟล์รูปภาพซึ่งผ่านการบีบอัดข้อมูลมาแล้ว อาจจะไม่สามารถบีบให้ขนาดลดลงไปได้อีก ขึ้นอยู่กับชนิดของข้อมูลนั้น ๆ ด้วย โดยส่วนใหญ่มักจะพบเห็นใช้สำหรับการ Download ข้อมูลต่าง ๆ จากอินเตอร์เน็ต หรือใช้สำหรับทำโปรแกรม Setup ต่าง ๆ นอกจากนี้Winzip ยังสามารถเปิดไฟล์ที่ผ่านการบีบอัดข้อมูลจากโปรแกรมที่บีบอัดข้อมูลอื่น ๆ ได้ด้วย
สำหรับ Winzip ตัวที่ยกมาเป็นตัวอย่างนี้จะเป็น Version 7.0 นะครับซึ่งการ Setup Winzip ของ Version อื่น ๆ ก็จะมีหลักการคล้าย ๆ กัน


 11.2 การลงโปรแกรมวินชิป 8.0


WinzipbulletWinrar
โปรแกรมยอดนิยมและถูกนำมาใช้งานกันอย่างแพร่หลายทั้งในอินเทอร์เน็ต และในการใช้ งานปกติในชีวิตประจำวัน ด้วยคุณสมบัติที่ดีเด่นในการบีบอัดไฟล์ให้มีขนาดเล็ก สามารถเก็บไฟล์ แบบต่อแผ่นได้ในกรณีที่ใช้ดิสค์เก็ตแผ่นเดียวไม่พอดีกับขนาดไฟล์ จากเวอร์ชั่นที่ทำงานบนดอส จนขณะนี้ตัวล่าสุดเป็น Win Zip 7.0 ใช้งานบน Windows 95/98 ซึ่งเพิ่มความง่ายในการใช้งาน มากยิ่งขึ้น ไม่ต้องจดจำคำสั่งพิเศษที่ต้องคีย์ลงไปในสมัยเป็นโปรแกรมบนดอส จ๊าบจริง ๆ ครับ มีบริการในหน้าดาวน์โหลด
เมื่อได้มาแล้วก็เปิด Windows Explorer ดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ชื่อ Winzip70.exe ได้เลยครับ เพราะเป็นไฟล์แบบติดตั้งตัวเองอัตโนมัติ คลิกที่ Setup
Winzip 7.0 Setup
โปรแกรมจะติดตั้งลงใน C:\Program Files\Winzip เองโดยอัตโนมัติ
Winzip Setup-2
ถ้าหากมีการติดตั้งเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ไว้แล้ว ก็จะมีกรอบโต้ตอบให้ยืนยันว่าจะติดตั้งทับ หรือไม่ ให้ตอบตกลงติดตั้งทับได้เลย ซึ่งโปรแกรมจะใช้ License ตัวเดียวกับเวอร์ชั่นเดิม (ถ้ามี) ถ้าเป็นการติดตั้งใหม่ก็จะมีกรอบโต้ตอบดังภาพข้างล่างนี้ ให้คลิกที่ Next
Winzip Setup-3
จะมีกรอบโต้ตอบให้ยืนยันในเรื่องการยอมรับลิขสิทธิ์ ตอบ Yes เลยครับ
License Agreement
จะเข้าสู่กรอบเลือกรูปแบบหน้าตาของโปรแกรม ให้เลือกแบบ Start with Winzip Classic แล้วคลิกNext
WinZip Setup-5
จะเข้าสูกรอบโต้ตอบการเลือกวิธีติดตั้ง ให้เลือกที่ Express setup (recommended) คลิกที่ Next
WinZip Setup-6
โปรแกรมจะทำการติดตั้งและเห็นหน้าต่าง popup โฟลเดอร์โปรแกรม ให้ปิดหน้าต่างนี้ ได้เลย
WinZip Explorer Programs
คลิก Finish ที่กรอบแสดงเสร็จสิ้นการติดตั้ง
WinZip Setup-8
จะมีกรอบ Winzip Tip of the Day ซึ่งจะแสดงรายละเอียดวิธีการใช้งานแบบต่าง ๆ ให้คุณ ได้ศึกษา ซึ่งจะมีทางเลือกให้คุณอยู่ 3 ทาง คือ
    1. แสดง Tip ใหม่ทุกครั้งที่เปิด Winzip
    2. แสดง Tip เมื่อเปิดโปรแกรมไว้แต่ยังไม่ได้ใช้งาน
    3. หรือไม่ต้องแสดง Tip อีกเลย
WinZip Tip of the Day
คลิกที่ Close จะเห็นหน้าตาของโปรแกรม Winzip 7.0 ดังภาพข้างล่าง สังเกตจะมีคำว่า unregisteredอยู่ ก็ให้คุณจัดการใช้โปรแกรม Winzip_key เพื่อหาตัวเลข register จากชื่อที่คุณต้องการ
WinZip Unregistered
 วิธีการใช้ก็ง่ายมากครับ เพียงดับเบิ้ลคลิกที่ชื่อไฟล์ winz_key.exe จะปรากฏหน้าต่าง ขึ้นมาให้เราเติมชื่อลงในช่อง Name
WinZip Key Generateor
 จะเห็นว่าตัวเลขในช่อง Serial Numbers จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามจำนวนตัวอักษรที่ เพิ่มขึ้น เมื่อเติมชื่อที่ต้องการครบทุกตัวอักษรแล้วให้ copy เอาตัวเลข Serial Numbers ในช่อง Winzip ไว้ แล้วเปิดโปรแกรม Winzipคลิกที่ Help -> About WinZip
จะมีกรอบโต้ตอบขึ้นมาให้เลือกคลิกที่ปุ่ม Register
About WinZip
กรอกชื่อที่คุณต้องการ และวางหมายเลข Register ลงในช่อง คลิก OK ก็จะสามารถใช้ โปรแกรมนี้ได้แบบไม่หมดอายุครับ
Register WinZip
ในการใช้งานเพื่อคลายไฟล์ *.zip ก็เพียงแต่ดับเบิ้ลคลิกที่ชื่อไฟล์นั้น ๆ โปรแกรม Winzip จะถูกเรียกขึ้นมาโดยอัตโนมัติ พร้อมกับการคลายไฟล์ออกมาให้เห็นรายชื่อไฟล์ภายในทันที คลิกที่ปุ่ม Extract เพื่อคลายไฟล์ไว้ในโฟลเดอร์ที่ต้องการ
WinZip Open File
ถ้าต้องการสร้างโฟลเดอร์เก็บไฟล์ใหม่ก็เพียงแต่คลิกที่ New Folder กรอกชื่อที่ต้องการ คลิก OK แล้วคลิกที่ Extract ไฟล์ทั้งหมดจะถูกคลายเก็บไว้ที่โฟลเดอร์นั้นทันที ซึ่งคุณจะสามารถใช้ ไฟล์เหล่านั้นได้ตามปกติครับ
Extract File
ในกรณีที่ต้องการบีบอัดไฟล์ก็ทำได้ง่าย ๆ โดยการเปิด Windows Explorer คลิกโฟลเดอร์ ที่เก็บไฟล์ แล้วเลือกไฟล์ที่ต้องการบีบอัดทั้งหมด (ตามต้องการ) คลิกที่เมนู File > Add to Zip
Add Files to Zip
จะเกิดกรอบโต้ตอบ Add ให้คุณระบุเส้นทาง (Path) ที่จะเก็บไฟล์ และชื่อไฟล์ *.zip ถ้าคุณ เลือกที่ไดรว์ A:\ สังเกตที่ช่อง Multiple disk spanning จะเปลี่ยนเป็น Automatic ทันที เพื่อให้มี การต่อแผ่น ในกรณีที่ไฟล์ใหญ่เกินกว่าที่จะเก็บได้ในแผ่นดิสค์เก็ตแผ่นเดียว จากนั้นให้คลิกเลือก เงื่อนไขต่าง ๆ ที่คุณต้องการ เช่น เก็บทั้ง Sub folder การกำหนดชื่อไฟล์แบบ 8.3 (สำหรับการ คลายในดอส) การใส่ Password เป็นต้น แล้วคลิก Add โปรแกรมจะทำการบีบอัดไฟล์ในทันที
Add files to Zip-2
ถ้าบีบอัดไฟล์ทั้งหมดลงในแผ่นดิสค์เก็ตแผ่นเดียวไม่พอ จะมีกรอบบอกให้ใส่แผ่นที่สอง สาม สี่ เรื่อยไป คุณสามารถคลิกเลือกให้โปรแกรมลบไฟล์ที่อาจมีในแผ่นดิสค์เก็ตทิ้ง เสียก่อน การเขียนก็ได้
Multiple Expand
เมื่อเสร็จสิ้นการบีบอัดไฟล์แล้ว จะมีหน้าต่างโปรแกรม Winzip แสดงรายชื่อไฟล์ที่ถูก บีบอัดทั้งหมด และชื่อไฟล์ *.zip บนไตเติ้ลบาร์
Finished
ง่ายมากใช่ไหมครับ ลองเอาไปใช้ประโยชน์ดูนะครับ แล้วคุณจะติดใจ เทคนิคในการต่อ แผ่นเพื่อความชัวร์ ป้องกันแผ่นชำรุด คุณควรฟอร์แมตแผ่นแบบ full และใช้โปรแกรม Scandisk หรือ Disk Doctor หรือตัวอื่นๆ ตรวจสอบแผ่นและ mark bad sector เสียก่อนครับ (ถ้าเป็นไปได้ ควรงดเว้นแผ่นที่มี bad sector เลยดีกว่า)


11.3 การใช้งานโปรแกรม winzip 8.0

การใช้งานโปรแกรม winzip 8.0 หลังจากติดตั้งเสร็จเรียบร้อยมีขั้นตอนดังนี้
1.คลิกที่ปุ่ม start เลื่อนมาที่ Programs และเลื่อนมาที่ Winzip และคลิกที่ Winzip 8.0 ดังรูป
2.จะได้ไดอะล็อกบอกซ์ของ Winzip ดังรูปให้คลิก I Agree หากต้องการออกจากโปรแกรมให้คลิกปุ่ม Quit
3.จะได้ผลลัพธ์ที่จอภาพดังนี้
ตัวอย่างการบีบอัดไฟล์ มีขั้นตอนการปฏิบัติการดังนี้ (อย่าลืมว่าการปฎิบัติจะต้องผ่านการติดตั้งโปรแกรมมาแล้วเท่านั้น)
1.เมื่อเข้าไปยังโปรแกรม Winzip ตามขั้นตอนที่กล่าวมาแล้ว
2.คลิกที่ไอคอน New จะได้ผลลัพธ์ดังรูปให้ตั้งชื่อไฟล์สำหรับเก็บไฟล์ที่บีบอัดเรียบร้อยแล้วตามตัวอย่างให้ชื่อว่า Test
3.จะแสดงไดอะล็อกบ็อกซ์ Add สำหรับเลือกชื่อไฟล์ แล้วคลิกที่ปุ่ม Add
4.จะได้ไฟล์บีบอัดที่มีสกุลหรือส่วนขยาย zip ชื่อ Test ซึ่งบีบอัดไฟล์ Whatsnew,txt เอาไว้ ซึ่งขนาดของไฟล์ก่อนบีบอัดมีเนื้อที่ 8,350 เมื่อบีบอัดแล้วมีเนื้อที่เพียง3,219
 การบีบอัดไฟล์สามารถเพิ่มจำนวนไฟล์ที่ต้องการบีบอัดได้ตามต้องการด้วยการคลิกที่ไอคอน Add แล้วเลือกไฟล์ที่ต้องการหากต้องการครั้งละมากกว่า 1 ไฟล์ให้คลิกคีย์ Ctrl ค้างไว้แล้วคลิกไปยังไฟล์ที่ต้องการไปเรื่อยๆ แล้วค่อยมาคลิกที่ปุ่ม Add ครั้งเดียว
   การบีบอัดข้อมูลโดยง่าย
ถ้าต้องการบีบอัดข้อมูลอย่างรวดเร็วให้เข้าไฟล์ที่ต้องการแล้วคลิกเมาส์ปุ่มขวาจะมีรายการคำสั่งให้เลือกดังรูป จากตัวอย่างต้องการบีบอัดไฟล์ Microsoft Word
 ให้เลือกรายการคำสั่ง Add to Winword.zip และคลิกที่ปุ่ม I Agree เท่านั้นก็จะได้ไฟล์ชื่อ Winword.zipหรือไฟล์ที่ถูกบีบอัดเรียบร้อยแล้วดังรูป
ข้อสังเกต ในการบีบอัดไฟล์ด้วยวิธีนี้ไฟล์จะถูกเก็บอยู่ที่โฟลเดอร์ปัจจุบัน
ตัวอย่างการระเบิดไฟล์ที่ถูกบีบอัด
วิธีการที่เร็วที่สุดคือการไปยังไฟล์ที่ถูกบีบอัดจะยกตัวอย่างไฟล์ที่เพิ่งถูกบีบอัดไปในหัวข้อที่แล้วคือไฟล์ winword.zip ก็ให้เข้าไปที่โฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์นี้อยู่คือProgram File \ Microsoft office\office ดังรูปและให้เลือกคำสั่ง Extract to folder c:\Program File \Microsoft Office \Office ซึ่งเป็นโฟลเดอร์เดิม ด้วยการคลิกและคลิกปุ่ม I Agree ไฟล์ก็จะถูกระเบิดเป็นไฟล์ที่มีส่วนขยายเหมือนกับก่อนถูกบีบอัด กรณีต้องการเปลี่ยนตำแหน่งของโฟลเดอร์ให้เลือกคำสั่ง Extract to หรือจะเข้าเมนู Winzip ก็ได้ด้วยการเปิดไฟล์สกุล  zip มาก่อนแล้วตามด้วยไอคอน Extract เหมือนกัน


11.4. การบีบอัดไฟล์เอกสาร

การใช้ Winzip อย่างง่ายที่สุด
โปรแกรม Winzip เป็นโปรแกรมสำหรับลดขนาดไฟล์ ให้มีขนาดเล็กกลง ถ้าคุณ Download ไฟล์ต่าง ๆ
 จากเน็ตมาจะเห็นได้ว่าไฟล์ส่วนใหญ่จะ Zip เพื่อความเร็วในการโหลด ซึ่งการใช้งานคุณต้องคลาย Zip 
ออกก่อนจึงจะสามารถใช้ได้ ในที่นี้นะครับผมจะแนะนำแบบง่ายที่สุดแต่ได้ผลครับ มาเริ่มกันเลยครับ

วิธีคลาย Zip
1. ให้คุณสร้างโฟลเดอร์ขึ้นมา 1 โฟลเดอร์จะตั้งชื่อว่าอะไรก็ได้แล้ว Copy ไฟล์ Zip ที่ต้องการคลายไปไว้ในนั้น
2 ให้คลิกขวาไฟล์ที่ต้องคลาย Zip แล้วเลือก Winzip > Extract to here






















3. จะเห็นได้ว่ามีไฟล์ต่าง ๆ ปรากฎขึ้นมา แสดงว่าการคลายเสร็จสมบูรณ์แล้ว สามารถนำไฟล์ต่าง ๆ ไปใช้ได้ตามปกติ











การ Zip ไฟล์
หลังจากรู้วิธีคลายแล้วมาเรียนรู้การ Zip บ้าง ซึ้งก็ไม่ยากครับ มีวิธีการดังนี้
1. ให้คลิกขวาไฟล์ที่ต้องการ Zip แล้งเลือก Winzip > Add to (จะตามด้วยชื่อไฟล์ที่คุณต้องการ Zip) ในที่นี้ผมจะ Zip 
โฟลเดอร์ที่ชื่อว่า asp2 จึงขึ้นมาว่า Add to asp2.zip
2. เพียงเท่านี้ก็เสร็จแล้วครับ จะเห็นได้ว่ามีไฟล์ asp2.zip แล้ว




การบีบอัดไฟล์ 
คนที่เคยใช้งานอินเทอร์เน็ตมานานอาจเคยใช้โปรแกรม zip ไฟล์มาบ้างแล้วแต่สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยและมีปัญหากับไฟล์นามสกุล zip , rar , 7zip ว่าทำไมมันเปิดไม่ได้ ใช้งานอย่างไร ทำมาเพื่ออะไร ในบทความนี้จะพูดถึงอย่างหมดเปลือก

การบีบอัดไฟล์ หรือการ zip ไฟล์นั้น เป็นการทำให้ไฟล์ที่ผ่านการ zip มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม โดยอาจบีบอัดไฟล์เดียวหรือหลายๆไฟล์ก็ได้ ประโยชน์ในการใช้งานคือ สามารถส่งไฟล์หลายๆไฟล์ไปในคราวเดียวกันได้ และไฟล์ที่ส่งไปนั้นยังมีขนาดเล็กลงอีก สำหรับคนที่เคยส่งไฟล์ทางเมล์ หรือ msn จะมีประโยชน์มาก

ไฟล์ที่ผ่านการบีบอัดนั้นมีหลายแบบ โปรแกรมที่ใช้งานก็มีหลายรูปแบบ ซึ่งจะพูดถึงโปรแกรมที่ดังๆมีดังนี้

1.ไฟล์ Zip ผ่านการบีบอัดโดยโปรแกรม winzip สามารถแตกไฟล์ ได้โดยเครื่องที่ใช้งาน window ทั่วไป แต่ถ้าต้องการบีบอัดต้องโหลดโปรแกรม winzip มาใช้งาน

2.ไฟล์ Rar ผ่านการบีบอัดโดยโปรแกรม winrar จะบีบอัดไฟล์หรือจะคลายต้องใช้ โปรแกรม winrar เท่านั้น ข้อดีคือสามารถบีบไฟล์ได้เล็กกว่า winzip และเป็นไฟล์ที่สามารถส่งทางอีเมล์ดังๆอย่าง hotmail , gmail ได้

3.ไฟล์ 7zip ผ่านการบีบอัดโดยโปรแกรม 7zip การใช้งานต้องมีโปรแกรม 7zip จีงจะใช้งานได้ แนะนำให้ใช้โปรแกรมนี้เพราะฟรี และยังสามารถคลายหรือบีบอัดไฟล์ทุกรูปแบบที่กล่าวมาในข้างต้นได้ทั้งหมด

ดาวน์โหลดโปรแกรม 7zip คลิกที่นี่

การบีบอัดไฟล์ ให้คลิกขวาที่ไฟล์หรือโฟล์เดอร์ที่ต้องการบีบอัดจากนั้นจะเป็นดังรูปด้านล่าง

คลิกที่ add to archive จะเป็นดังรูปด้านล่าง

ตรง archive format ให้เลือกรูปแบบไฟล์ที่ต้องการบีบอัด มีหลายแบบเช่น zip , 7zip หลังจากที่คลิก ok จะมีไฟล์ที่ผ่านการบีบอัดแล้วอยู่ข้างๆไฟล์เดิม

การคลายไฟล์ที่บีบอัดแล้ว คลิกขวาที่ไฟล์ที่ผ่านการบีบอัดแล้วจะมีตัวเลือกดังภาพด้านล่าง

คลิกที่ Extract Here ไฟล์จะคลายการบีบอัดและอยู่ใกล้ไฟล์เดิมของท่าน

นอกจากนี้ท่านยังสามารถคลิกที่ไฟล์ที่ผ่านการบีบอัดมาแล้ว จากน้ันโปรแกรม 7zip จะเปิดไฟล์ด้านในให้ดู ท่านสามารถลากไฟล์ด้านในออกมานอกหน้าต่างโปรแกรมก็เป็นวิธีการแตกไฟล์วิธีหนึ่ง


11.5การขยายหรือระเบิดไฟล์ที่ถูกย่อ

การใช้งานโปรแกรม WinZip


 
 

1. เปิดโปรแกรมโดยดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน WinZip บน Desktop



2. โปรแกรมจะแสดงหน้าจอตามรูป ให้คลิกเมาส์ที่ปุ่ม I Agree

 














3. คลิกที่ ทูลบาร์ New


 
 











4. จะมีไดอะล็อกบ็อกซ์ New Archive เกิดขึ้น  ที่ Create ให้เลือกโฟลเดอร์ที่จะจัดเก็บไฟล์ .zip ที่จะเกิดขึ้น   และตั้งชื่อไฟล์ที่จะสร้างขึ้นในช่อง File name  เสร็จแล้วคลิก OK





 
 










5. จะได้ไดอะล็อกบ็อก Add   เพื่อเลือกไฟล์ที่ต้องการบีบอัด   เทคนิคการเลือกไฟล์กด Shift ค้างเลือกไฟล์ต้นและสุดท้ายจะได้ระหว่างกลางทั้งหมดด้วย   หรือถ้าต้องการเลือกทีละไฟล์ให้ใช้ปุ่ม Ctrl แล้วเลือกจะได้เฉพาะไฟล์ที่เลือกเสร็จแล้วคลิกปุ่ม Add


 
 

















6. โปรแกรม WinZip จะดำเนินการบีบอัดข้อมูลเสร็จแล้วจะแสดง   ชื่อไฟล์ที่บีบอัด และรายชื่อไฟล์ที่ถูกบีบอัดรวมทั้งรายละเอียด




 
 
ขั้นตอนการขยายข้อมูลด้วยโปรแกรม WinZip


7. เมื่อมีไฟล์ที่ได้รับการบีบอัดมาและต้องการจะขยาย   ให้ดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ .Zip นั้น หน้าต่าง WinZip จะปรากฏขึ้นพร้อมแสดงรายละเอียดของไฟล์ที่ถูกบีบอัดอยู่


 
 













8. บนทูลบาร์ให้คลิกที่ปุ่ม  Extract เลือกขยายทั้งหมดหรือเลือกเป็นบางไฟล์ก็ได้






 
 









9. เมื่อหน้าต่าง Extract ปรากฏขึ้นให้เรากำหนดโฟลเดอร์ที่จะใช้เก็บไฟล์ที่ขยายจากการบีบอัด   ซึ่งถ้าจะสร้างโฟลเดอร์ใหม่ก็สามารถทำได้โดยคลิกที่ปุ่ม New Folder  ในการ Extract มีออปชั่นให้เลือกอีกหลายประการดังนี้
             
-Selected files เลือกไฟล์ในขั้นตอนที่ 2   โดยถ้าไม่ได้เลือกในขั้นตอนที่ 2 จะไม่สามารถเลือกที่บ๊อกได้
             
-All files เลือกไฟล์ทั้งหมด
             
-Files: เลือกเฉพาะไฟล์ที่ต้องการขยายเช่นเฉพาะไฟล์เอกสาร .doc  ก็ให้พิมพ์ *.doc ก็จะขยายไฟล์ที่มีนามสกุล doc ทั้งหมด
             
-Overwrite existing files ถ้าเลือกไว้จะเป็นการยืนยันให้มีการเขียนทับไฟล์เดิมได้
             
-Skip older files ถ้าเลือกจะข้ามไม่ขยายทับไฟล์ที่มีอยู่เดิมถ้าไฟล์ที่ขยายมีวันที่เก่ากว่า
             
-Use folder names เมื่อเลือกจะทำให้มีการสร้างโฟลเดอร์เดิมที่ทำการบีบอัดไว้ให้ด้วยเสร็จแล้วคลิก Extract โปรแกรมก็จะทำการขยายข้อมูลตามที่เรากำหนดไว้

10. การบีบอัดลงในแผ่นดิสก์มากกว่า 1 แผ่น
           ในกรณีที่ต้องการบีบอัดไฟล์ลงบนแผ่นดิสก์   โปรแกรม WinZip จะสามารถตรวจสอบและสามารถบีบอัดแบบต่อแผ่นได้ถ้าไฟล์ที่บีบอัดมีขนาดใหญ่จนไม่สามารถจะบรรจุลงบนแผ่นดิสก์แผ่นเดียวได้   โดยวิธีการก็ไม่ยุ่งยากอะไรขั้นตอนเหมือนเดิมทุกอย่างเพียงแต่เมื่อจะจัดเก็บไฟล์ที่ถูกบีบอัดก็ให้เลือกจัดเก็บไว้ที่ Drive A โปรแกรมก็จะรู้โดยอัตโนมัติเมื่อพบว่าพื้นที่ในการจัดเก็บไม่พอ จะมีหน้าต่างเตือนให้เปลี่ยนแผ่นดังรูป โดยจะมีเช็คบ็อกให้เลือก Erase any existing files on new disk before continuing   ถ้าเลือกโปรแกรมก็จะลบข้อมูลในแผ่นดิสก์ก่อนการจัดเก็บข้อมูลลงไป




 
 






11. การสร้างไฟล์บีบอัดข้อมูลที่สามารถขยายได้ด้วยตัวเอง
                
การที่เราบีบอัดข้อมูลแบบธรรมดานั้นการที่จะขยายไฟล์ออก จะต้องมีโปรแกรม WinZip ด้วยจึงจะสามารถใช้งานไฟล์ได้   ข้อจำกัดนี้เองจึงมีอีกวิธีการหนึ่งในการบีบอัดซึ่งผู้นำไฟล์บีบอัดไปใช้ไม่จำเป็นต้องมีโปรแกรม WinZipอยู่   ขั้นตอนการบีบอัดมีดังนี้
                    
- ทำการบีบอัดโดยวิธีการตามปกติดังได้กล่าวมาแล้ว



 
 













- ที่เมนูบาร์ เลือก Actions --> Make Exe File


12. หน้าต่าง WinZip Self-Extractor personal Edition จะปรากฏขึ้น โดยมี option ให้เลือกดังนี้
                
- Create Self-Extracting Zip file from   เลือกไฟล์ที่ได้รับการบีบอัดเรียบร้อยแล้ว และต้องการสร้างไฟล์ที่สามารถขยายได้ด้วยตัวเอง
                
- Default "Unzip To" folder:   เลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการทำการเปลี่ยน ถ้าไม่กำหนดจะไปไว้ที่โฟลเดอร์ TEMP